วันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560

โสกฮังสวรรค์แห่งบ้านนาสายธาราริมเขา

สายธารหล่อเลี้ยงชีวิต

ดินแดนเขียวขจีที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าน้อย ๆ และพืชพันธุ์ต่าง ๆ นานาชนิดที่มีได้รับการหล่อเลี้ยงชีวิตจากสายธาราให้เติบโตไปในแต่ละวัน น้อยคนนักที่จะได้มาสัมผัสถึงความงามของธรรมชาตินี้ เพราะตั้งอยู่ห่างไกลจากชุมชนและมีการเดินทางที่ค่อนข้างลำบาก แต่ดินแดนนี้ได้รับการขนานนามจากผู้ที่มาเยี่ยมเยือนว่าเป็น สวรรค์แห่งบ้านนาสายธาราริมเขา



สถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้เขียนจะกล่าวถึงต่อไปนี้ มีชื่อเรียกตามภาษาอีสานว่า โสกฮัง ซึ่งเกิดจากคำสองคำมารวมกัน คือคำว่า โสกหมายถึง แอ่งน้ำที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำที่ไหลบ่า กันเซาะดินและหินให้เป็นหลุมลงไป โดยจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และคำว่า ฮัง หมายถึง ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง โดยในภาษากลางก็คือต้นรัง นั่นเอง ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ มีความสูง 15-23 เมตร ส่วนใหญ่ชาวอีสานจะนำไม้จากต้นรังนี้มาสร้างบ้านเรือนเพราะว่าเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงและทนทาน

โสกฮังเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ มีทิวทัศน์ที่งดงาม ตั้งอยู่เขตอำเภอ
เสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ ห่างจากบ้านโป่งหินประมาณ 5 กิโลเมตร ในอดีตบริเวณนี้จะเป็นป่าเขา ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะนิยมเข้าไปเก็บของป่ากัน ดินแดนแห่งนี้จึงเป็นที่รู้จักของคนในท้องถิ่นเท่านั้น จึงอยากให้ผู้อ่านได้ประจักษ์ถึงความงดงามที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นมาจากสิ่งที่จะพรรณนาออกมาเป็นตัวอักษรและภาพถ่ายดังต่อไปนี้




      เริ่มต้นการเดินทาง โสกฮังตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านโป่งหินประมาณ 5 กิโลเมตร ถนนจะเป็นถนนลูกรัง การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งพวกเราไปด้วยกัน 4 คน ใช้รถ 2 คัน แวะซื้อเสบียง ขนม น้ำ ที่ร้านค้าชุมชน เมื่อพร้อมเดิมทางแล้วก็ขับรถตามกันไปเรื่อย ๆ จะมีป้ายบอกว่าไปภูสระดอกบัวบอกอยู่ตลอดทาง การเดินทางจะได้สัมผัสกับบรรยากาศข้างทาง ลมพัดโชยใบหญ้าข้างทางปลิวไสว มีฝนปรอย ๆ ได้กลิ่นหอมของไอดินลอยขึ้นมาตลอดทาง

      และในที่สุดพวกเราก็มาถึง โสกฮัง เราต้องจอดรถไว้ที่ตีนเขา จากนั้นก็แบกเป้เสบียงที่เตรียมมา เดินขึ้นตามเส้นทางเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศความงดงามของธรรมชาติที่รอเราอยู่ด้านบน

      เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่นานก็จะเจอกับลานหินกว้าง ๆ ที่มีสายน้ำไหลลงมาจากด้านบน สายน้ำนี้ เปรียบดั่งสายธาราที่หล่อเลี้ยงชีวิตของต้นหญ้าน้อย ๆบริเวณนั้นให้เติบโตไปในแตละวัน นอกจากต้นหญ้าน้อย ๆ บริเวณนี้ก็จะมีต้นฮัง(รัง) ที่เป็นไม้ยืนต้นตระหง่านอยู่รอบ ๆ บริเวณ คอยเป็นร่มเงาให้กับผู้ที่มาเยี่ยมเยือนได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ
      ในระหว่างการเดินทางอยู่บนลานหินกว้าง ๆ ก็จะรู้สึกเหมือนว่าถูกโอบกอดด้วยธรรมชาติ ทั้งภูเขา ต้นไม้ อีกทั้งมองเห็นท้องฟ้าสีครามที่มีหยาดฝนหยดลงมาปรอย ๆ นอกจากนี้บนลานหินก็จะมีแอ่งน้ำน้อยใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกว่า โสก ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาสูง น้ำใส ๆ ในแอ่งน้ำทำให้มองเห็นเม็ดทรายและปลาตัวน้อย ๆ ที่ว่ายวนอยู่ในแอ่งน้ำนั้น
      เมื่อเดินตามเส้นทางของลานหินไปเรื่อย ๆ จะเห็นว่ามีน้ำไหลลงมาตลอดทาง และจะได้ยินเสียงของน้ำที่ตกกระทบกับหิน ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเราว่าข้างหน้าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเป็นแน่ ด้วยความสงสัยพวกเราจึงรีบเดินตามเสียงนั้นและในที่สุดก็เจอกับน้ำตกนั่นเอง น้ำตกที่นี่เป็นน้ำตกเล็ก ๆ น้ำไหลลงมาจากภูเขาด้านบน เพียงแค่ยื่นมือไปสัมผัสน้ำก็ได้รับรู้ถึงความสดชื่น น้ำใสสะอาด เย็นชื่นใจ ทำให้พวกเราอดใจไม่ไหวที่จะลองสัมผัสความเย็นของน้ำให้เปียกปอนไปทั้งตัว

      หลังจากการสัมผัสความสดชื่นและเย็นฉ่ำหัวใจจากน้ำตกแล้ว พวกเราก็เดินต่อไปที่จุดชมวิวที่อยู่บนเนินเขาถัดขึ้นไปอีกไม่ไกลมากนัก จุดนี้จะสามารถมองเห็นวิวได้ทั่วเลยเพราะเป็นลานหินมีหน้าผาสูง มองลงไปข้างล่างก็จะเห็นพืชพันธุ์ต่าง ๆ จะได้สูดบรรยากาศใต้ขอบฝ้าสีคราม พร้อมกับการถ่ายภาพกระโดดแตะขอบฟ้าที่สวยงาม


      เก็บภาพความงดงามของธรรมชาติและมิตรภาพความทรงจำอย่างเต็มอิ่มแล้ว พวกเราก็เดินทางกลับบ้านกัน ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะเทลงมาอย่างหนัก พวกเราจึงรีบกลับตามเส้นทางเดิม
      การเดินทางในครั้งนี้ทำให้พวกเรามองเห็นว่าแหล่งท่องเที่ยวที่ตระการตาไม่จำเป็นต้องเดินทางไปในที่ไกล ๆ เพียงแค่เรามองในสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา อย่ามองข้ามไป เพราะในสิ่งใกล้ตัวเรานั้นก็มีความงดงามและมีคุณค่าไม้แพ้กว่าสถานที่อื่นใด และการเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้เกิดมิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมทางอีกด้วย จึงอยากให้ผู้อ่านได้สัมผัสถึงสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นมา จงมองว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่งดงาม ช่วยกันดูแลรักษาให้ธรรมชาติโอบกอดพวกเราไว้ให้นานแสนนาน







จบแล้วววววววววว ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ
เด็กหญิงโฟตอน